ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Google Guru

Google Guru คือ แหล่งที่มีความรู้ และตอบที่เราสามารถช่วยหา แลกเปลี่ยนความคิดกัน จัดระเบียบข้อมูล และได้พบกับบุคลลที่มีความคิดร่วมกัน
   ข้อดี ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิด กับบุคคลอื่นๆได้ เวลาที่เราสงสัยอะไร ก็เอามาตั้งคำถามเอาไว้ แล้วคนที่รู้ก็จะเข้ามาตอบให้
   วิธีการสมัคร
1. เข้าไปที่ http://guru.google.co.th/guru/
2. คลิกที่ เข้าสู่ระบบ

3. คลิกที่ สร้างบัญชีผู้ใช้เดี๋ยวนี้

4. กรอกข้อมูลสมาชิกตามหัวข้อต่างๆ
  4.1 กรอก E-mail account
  4.2 กรอกรหัสผ่าน โดยควรมีความยาวของอักขระอย่างน้อย 8 ตัวอักษร จากนั้นยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง (อาจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม โดยคลิกที่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม)
  4.3 ตั้งค่าหน้าแรกเบราว์เซอร์ (ใช้ หรือ ไม่ใช้ก็ได้) และตั้งค่าประเทศตำแหน่งที่ตั้ง  4.4 กรอก Verify code  
4.5 ศึกษาข้อกำหนดการใช้
  4.6 คลิกที่ ฉันยอมรับ โปรดสร้างบัญชีของฉัน
 


5. หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าจอดังภาพ ให้ตรวจเช็ค inbox ของ E-mail
ที่ใช้ลงทะเบียนจะมีจดหมายจาก Google ให้คลิกยืนยันที่อยู่ E-mail ตามลิงค์ที่ได้รับมา
(ศึกษาต่อในหัวข้อการกู้คืนบัญชีผ่าน SMS) และคลิกที่ คลิกที่นี่เพื่อดำเนินการต่อ




6. จากนั้นจะปรากฏหน้าจอดังภาพ
6.1 ท่านสามารถสร้าง Profile ส่วนตัว เพื่อทำให้สมาชิกอื่นๆรู้จักท่านมากขึ้นได้โดยคลิกที่ี่ โปรไฟล์สาธารณะของ Google ท่านอาจใส่ข้อมูลที่สามารถติดต่อได้ รูปภาพ และลิงค์ URL ของท่าน เป็นต้น
6.2 ท่านสามารถเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ และอัพโหลดรูปภาพ เพื่อใช้ในการใช้บริการ Google Guru ได้
โดยคลิกที่ แก้ไขโปรไฟล์
6.3 เมื่อคลิกที่ เริ่มต้นใช้กูรู ท่าจะสามารถใช้งาน Google Guru ได้ทันที

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ระบบเลขฐานสอง


 
   ระบบเลขฐานสอง  คือ  ระบบตัวเลขที่มีค่าฐานเป็นสอง มีสัญญลักษณ์ 2 ตัว คือ 0 กับ 1
   ค่าตามตำแหน่งของส่วนที่เป็นจำนวนเต็มของเลขฐานสอง คือ

    ตารางเปรียบเทียบเลขฐานสอง
เลขฐานสิบ
เเลขฐานสอง
0
00
1
01
2
10
3
11
4
100
5
101
6
110
7
111
8
1000
9
1001

ระบบคอมพิวเตอร์

ระบบคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
   1. ฮาร์ดแวร์    
   2. ซอฟต์แวร์
   3. บุคลากร
หน่วยรับข้อมูล เป็นอุปกรณ์นำเข้า เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ ฯลฯ
หน่วยประมวลผลกลาง หรือเรียกว่า CPU ประกอบด้วย 3 ส่วน
   1. หน่วยควบคุม
   2. หน่วยคำนวณ
   3. หน่วยความจำ
หน่วยความจำภายใน  เป็นหน่วยความจำที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ จะสามารถติดต่อกับหน่วยงานอื่นๆ โดยตรง

วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์


ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์อาจกล่าวได้ว่ามาจากแนวความคิดของระบบตัวเลข ซึ่งได้พัฒนาเป็นวิธีการคำนวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ช่วยในการคำนวณอย่างง่าย ๆ คือ" กระดานคำนวณ" และ "ลูกคิด" 
ศตวรรษที่ 17 เครื่องคำแบบใช้เฟื่องเครื่องแรกได้กำเนิดขึ้นจากนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศษ คือ Blaise Pascal โดยเครื่องของเขาสามารถคำนวณการบวกการลบได้อย่างเที่ยงตรง และในศตวรรษเดียวกันนักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันคือ Gottried Wilhelm von Leibniz ได้สร้างเครื่องคิดเลขเครื่องแรกที่สามารถคูณและหารได้ด้วย
ศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศษชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พัฒนาเครื่องทอผ้าที่สามารถโปแกรมได้ โดยเครื่องทอผ้านี้ใช้บัตรขนาดใหญ่ ซึ่งได้เจาะรู้ไว้เพื่อควบคุมรูปแบบของลายที่จะปัก บัตรเจาะรู(punched card) ที่ Jacquard ใช้นี้ได้ถูกพัฒนาต่อๆมาโดยผู้อื่น เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลและโปรแกรมเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ   ต่อมาในศตวรรษเดียวกัน ชาวอังกฤษชื่อ Charles Babbage ได้ทำการสร้างเครื่องสำหรับแก้สมการโดยใช้พลังงานไอน้ำ เรียกว่า difference engine และถัดจากนั้นได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เมื่อเขาได้ทำการออกแบบ เครื่องจักรสำหรับทำการวิเคราะห์ (analytical engine) โดยใช้พลังงานจากไอน้ำ ซึ่งได้มีการออกแบบให้ใช้บัตรเจาะรูของ Jacquard ในการป้อนข้อมูล ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้มีหน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล และหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ครบตามรูปแบบของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ แต่โชคไม่ดีที่แม้ว่าแนวความคิดของเขวจะถูกต้อง แต่เทคโนโลยีในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเครื่องที่สามารถทำงานได้จริง อย่างไรก็ดี Charles Babbage ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์คนแรก และผู้ร่วมงานของเขาคือ Augusta Ada Byron ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนโปรแกรมคนแรกของโลก

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยุคของคอมพิวเตอร์



คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1
อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนที่ดีมาก การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค (UNIVAC)

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
 คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมายทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลาย ๆ อย่าง


คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก(Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันระบบซอฟต์แวร์ก็ได้พัฒนาขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสำเร็จให้เลือกใช้กันมากทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้างขวาง


คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5
คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่าง ๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้าและพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง




วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคตกแต่งภาพ(เป็นภาพเหมือนความฝัน)ด้วย Photoshop

เทคนิคแต่งภาพ การทำภาพในความฝัน

 1 เปิดภาพที่ต้องการจะทำขึ้นมาก่อน หลังจากที่เปิดมาแล้วก็ให้ทำการ Copy Layer (Ctrl+j) ของรูปภาพออกมาเป็น 3 เลเยอร์ตามภาพตำแหน่งที่ 1



ขั้นตอนที่ 2 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ตามภาพตำแหน่งที่ 1 จากนั้นใช้คำสั่ง Filter ---> Brush Strokes ---> Accented Edged จากนั้นให้ปรับค่า ต่าง ๆ ดังนี้ Edge width = 2, Edge Brightness = 38, Smoothness = 5 ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ตามภาพตำแหน่งที่ 2


ขั้นตอนที่ 3 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy 2 ตามภาพที่ตำแหน่งที่ 3 จากนั้นปรับค่าให้เป็น Overlay ดังภาพในขั้นตอนที่ 3

ขั้นตอนที่ 4 คลิกที่ Layer : Layer 1 copy ตามขั้นตอนที่ 4 จากนั้นใช้คำสั่ง Image ---> Adjustments ---> Hue/Sturation... แล้วปรับค่า Lightness = +42